ทุกเรื่องที่ต้องรู้ ก่อนลงทุน “สู้เงินเฟ้อ”

649

#Punphol101 ทุกเรื่องที่ต้องรู้ ก่อนลงทุน “สู้เงินเฟ้อ”⁣

💸💸 เงินเฟ้อ คืออะไร?⁣ เงินเฟ้อมีด้วยกันกี่แบบ และสาเหตุเงินเฟ้อมาจากไหน⁣?⁣

วันนี้สรุปมาให้เพื่อนๆ ดูกันค่ะ

เงินเฟ้อ คืออะไร?⁣

เงินเฟ้อ คือ เมื่อราคาของสินค้าและบริการโดยทั่วไปสูงขึ้นต่อเนื่อง ⁣

อธิบายง่าย ๆ คือ ของเท่าเดิม แต่ราคาสูงขึ้น หรือถ้าเรามีเงินเท่าเดิม เราจะได้สินค้าในปริมาณที่ลดลง (ถ้าเป็นบริการ ก็ได้ในระยะเวลาที่สั้นลง)⁣

เงินเฟ้อ ไม่ได้แย่เสมอไป⁣ ⁣

เงินเฟ้อมี 4 แบบ⁣

⁣ 1. เงินเฟ้ออ่อน ๆ ⁣ ประมาณ 5%* ถือว่าเป็นภาวะปกติ ไม่มีผลเสียหายต่อภาวะเศรษฐกิจ แต่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิต การจ้างงาน ทำให้เศรษฐกิจขยายและเติบโต

2. เงินเฟ้อปานกลาง ⁣⁣
ประมาณร้อยละ 5%-20%* ซึ่งรัฐบาลจะเริ่มยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ไข โดยใช้มาตรการทางการเงินและการคลังต่าง ๆ 

3. เงินเฟ้อรุนแรง (Hyperinflation) ⁣ราคาสินค้าสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 20%* ต่อปี ทำให้อำนาจการซื้อของเราลดลงอย่างรวดเร็วแบบลงลิฟท์ ตัวอย่างคือ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2⁣

4. เงินเฟ้อติดลบ (ส่วนใหญ่จะเรียกว่า เงินฝืด) ตรงข้ามกับเงินเฟ้อ เป็นภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยรวมทั่วไปลดลงเรื่อย ๆ ⁣

*ข้อมูลจาก สำนักการคลัง⁣

อย่าเพิ่งดีใจ ว่าเงินฝืดทำให้สินค้าถูกลงน่าจะดี ⁣

เพราะเมื่อราคาสินค้าลดลง คนก็รายได้ลดลง แต่อย่าลืมว่า “หนี้สิน” ที่อยู่ยังเท่าเดิมนะคะ ดังนั้น จะทำให้คนที่มีหนี้ได้รับผลกระทบ⁣

เงินเฟ้อที่เหมาะสม เป็นกลไกที่สำคัญกลไกหนึ่งในการปรับสมดุลในระบบเศรษฐกิจ⁣

เงินเฟ้อ เกิดจากอะไร?⁣

สาเหตุเงินเฟ้อมาจาก 2 ทาง⁣

1. ฝั่ง Supply ⁣
ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น (Cost-push inflation) เมื่อต้นทุนการผลิตเพิ่ม คนขายต้องขึ้นราคาสินค้า⁣

2. ฝั่ง Demand⁣
ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น (Demand-pull inflation) เมื่อคนต้องการสินค้ามากกว่าของที่มีอยู่ในตลาด คนขายก็ปรับขึ้นราคา⁣

อัตราเงินเฟ้อที่เราได้ยินทั่วไปคือ เงินเฟ้อทั่วไป (Headline inflation) คำนวณจากกลุ่มสินค้า อาหารสด/เครื่องดื่ม เครื่องใช้ส่วนตัว เครื่องใช้ภายในบ้าน ที่อยู่อาศัย การรักษาพยาบาล การคมนาคมขนส่ง พลังงาน และอื่น ๆ โดยจะคำนวณแบบถ่วงน้ำหนัก⁣

เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core inflation) จะไม่รวมกลุ่มอาหารสด/เครื่องดื่ม และพลังงาน

ทำไมเงินเฟ้อรอบนี้ ถึงต่างจากรอบอื่น?⁣

1. Lock-down จากวิกฤตโควิด-19 ⁣
หลายธุรกิจปิดตัวหรือชะลอการผลิต พอเปิดเมืองมา supply ขาด ขณะที่ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นอยากรวดเร็ว = ดันให้ราคาสินค้าแพงขึ้น

2. ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น⁣
ผลจากสงครามรัสเซียยู-เครน และการที่ผู้ผลิตน้ำมันลงทุนน้อยลง เพราะกลัวว่าคนจะลดการใช้น้ำมัน หันไปใช้พลังงานทดแทน = น้ำมันน้อยกว่าความต้องการ ดันให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น⁣

3. การเปลี่ยนแปลงของ Supply chain globalization ⁣
การผลิตทั่วโลกกำลังเปลี่ยนจากผลิตในประเทศที่ถูกที่สุด ไปผลิตในประเทศที่เป็นพวกเดียวกัน หลายประเทศย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ทำให้ต้นทุนเพิ่ม = ดันให้ราคาสินค้าแพงขึ้น⁣

ถ้าเงินเฟ้อมากเกินไป จะกระทบเรายังไง?⁣

ธุรกิจ⁣

– ต้นทุนการผลิตก็จะสูงขึ้นด้วย อาจทำให้ธุรกิจบางรายชะลอการผลิต ลดการจ้างงาน ทําให้มีคนตกงานมากขึ้น⁣

– ส่วนธุรกิจที่มีการส่งออก เมื่อต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ราคาขายแพงขึ้น ก็จะแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ยากขึ้น⁣

– แม้ว่าเงินเฟ้อจะทำให้ขายสินค้าได้ในราคาที่สูงขึ้น แต่เมื่อราคาแพงขึ้น คนก็จะซื้อน้อยลง = ยอดขายบางส่วนก็ลดลง⁣

ประชาชน⁣

– เมื่อค่าครองชีพสูงขึ้น ทําให้เรามีอํานาจซื้อน้อยลง⁣

– เงินเท่าเดิมแต่ซื้อสินค้าหรือบริการได้น้อยลง สุดท้าย รายได้อาจไม่เพียงพอดับค่าใช้จ่าย⁣

– ส่วนในมุมการลงทุน คนก็จะมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ๆ หันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงกันมากขึ้น ถ้าความรู้ไม่เพียงพอ อาจก่อให้เกิดหนี้สินตามมา⁣

เมื่อเงินเฟ้อ สินทรัพย์แบบไหนมักได้รับผลกระทบ / ประโยชน์? ⁣

สินทรัพย์ที่มักได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ⁣

– สินทรัพย์ที่การันตีอัตราผลตอบแทนไว้ล่วงหน้าเป็นจำนวนคงที่ เมื่อของแพงขึ้น แต่ผลตอบแทนที่ได้รับคงที่ นั่นเท่ากับว่าเงินที่ได้จะมีอำนาจในการนำมาใช้จ่ายได้น้อยลง ⁣

– เช่น ตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ที่อายุยิ่งยาว ก็มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อยิ่งมาก⁣

สินทรัพย์ที่มักได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อ⁣

– สินทรัพย์ที่สามารปรับราคาขึ้นได้ตามเงินเฟ้อ ⁣
เช่น ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ⁣

– สินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง เช่น ทองคำ หรือที่บางคนเรียกว่า “เงินมั่งคง (Sound Money)” เพราะเก็บสะสมความมั่งคั่งได้ในระยะยาว ด้วยคุณสมบัตืที่ว่าทองคำมีอยู่ในปริมาณที่จำกัด คนก็จะกลับมาให้ความสนใจในทองคำมากขึ้น⁣

สู้เงินเฟ้อ ลงทุนอะไรดี?⁣

1. หุ้นกลุ่มที่ถึงแม้จะปรับราคาขึ้น คนก็ยังต้องใช้:⁣
เช่น กลุ่มสาธารณูปโภค สินค้าจำเป็น สินค้าการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค และการแพทย์⁣

2. หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น:⁣

– หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์:
เพราะสามารถปล่อยกู้แล้วได้ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น⁣

– หุ้นกลุ่มธุรกิจประกันชีวิต:⁣
ธุรกิจประกัน จะนำเบี้ยประกันของเราส่วนหนึ่งไปลงทุนสร้างผลตอบแทน หากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น เงินที่บริษัทประกันนำไปลงทุนใหม่ จะได้ผลตอบแทนตามอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่สูงขึ้น⁣

– หุ้นที่ประกอบธุรกิจนำเข้า:⁣
เมื่ออัตราดอกเบี้ยในประเทศเราเพิ่มสูงขึ้น ต่างชาติก็อยากเข้ามาลงทุน ทำให้เงินไหลเข้าประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เมื่อเงินบาทแข็งค่า ธุรกิจที่นำเข้าก็มีต้นทุนที่ต่ำลงนั่นเอง⁣

สู้เงินเฟ้อ ลงทุนอะไรดี?

3. หุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ: และมีการจ่ายผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ มีสภาพคล่องในการซื้อขาย ฐานะทางการเงินดี และกระแสเงินสดเป็นบวก 

4. กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs): 

เพราะในช่วงที่เงินเฟ้อ ค่าเช่ามีแนวโน้มที่จะสามารถปรับขึ้นได้ตามหรือมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ

5. ตราสารหนี้ประเภทป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ: 

เช่น TIPS หรือ Treasury Inflation-Protected Securities ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในช่วงเงินเฟ้อ และให้ผลตอบแทนน้อยลงในช่วงเงินฝืด

แนวคิดสู้เงินเฟ้อ แบบฉบับปู่บัฟเฟตต์⁣

1. มองหาธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนต่ำ ⁣
เพราะต้นทุนจะถูกกระทบไม่มาก จากเงินเฟ้อ⁣

2. มองหาธุรกิจที่สามาถขึ้นราคาสินค้าได้ โดยลูกค้ายังคงซื้อสินค้าอยู่⁣

3. ตราสารหนี้ประเภทป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ ถือว่าน่าสนใจ⁣

4. ลงทุนในตัวเอง เพิ่มทักษะที่จำเป็นอยู่เสมอ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง (ปู่ใช้คำว่า ลูกจ้างที่นายจ้างอยากเก็บไว้ ไม่ไล่ออก)⁣

5. หลีกเลี่ยงลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่ให้อัตราผลตอบแทนต่ำ (และคงที่) เพราะสู้เงินเฟ้อไม่ไหว⁣

6. ควบคุมความอยากได้อยากมีของตัวเอง เพราะเงินเฟ้อ ของแพง ควรใช้จ่ายแบบพอดี⁣

ที่มา: Bankrate, Warren Buffett’s top tips for beating ⁣

ถึงเวลา สู้เงินเฟ้อ

มาดูกันว่า เงินเดือนวันนี้ อนาคตจะเหลือเท่าไร?

สรุปแล้ว⁣

1. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ⁣
หรือใช้แอปฯช่วยควบคุมการใช้จ่าย เพื่อรักษาสภาพคล่อง⁣

2. ศึกษาและเริ่มลงทุน⁣
เพื่อให้รายได้เราเติบโตขึ้นให้มากกว่าเงินเฟ้อที่กำลังไล่ตามมา⁣

*แต่ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจทุกครั้งนะคะ⁣

Picture of Vareeporn N.

Vareeporn N.

649